The Boys ซีซั่น 4 หลังจากซีซัน 3 ที่ออกอากาศในปี 2022 รีวิวซีรี่ย์ The Boys ก็หายไปเกือบ 2 ปีจนมาในซีซั่น4 นี้ แม้ว่าจะมีซีรีส์ภาคแยกอย่าง ‘Gen V’ ออกมาในปี 2023 เพื่อแก้ขัดความคิดถึงของแฟน ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ความเดือดของรุ่นเด็กนั้นยังไม่เทียบเท่ากับซีรีส์ภาคหลัก การกลับมาในซีซั่น4 ด้วย 3 ตอนแรกก็ยังคงเป็นการปูเนื้อเรื่อง และเซ็ตสปีดใหม่ให้กับผู้ชม ซึ่งเทียบแล้วให้ความรู้สึกเหมือนการ เริ่มต้นการแข่งขันใหม่ ในสนามที่เปลี่ยนไปแล้ว
The Boys ซีซั่น 4 รีวิวซีรี่ย์ เนื้อเรื่องและการพัฒนา
รีวิวซีรี่ย์ The Boys เนื้อหาส่วนใหญ่ในซีซั่น 4 เป็นการปูเนื้อเรื่องหลังจาก เหตุการณ์ในซีซัน 3 โดยมีการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาตัวละครที่ชัดเจนมากขึ้น เห็นได้จากไรอัน ลูกชายของโฮมแลนเดอร์ที่โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของตัวละครหลักๆ ได้เป็นอย่างดี แม้จะมีการ รีแคปเหตุการณ์ ในซีซันเก่าเพื่อ ให้ผู้ชมได้ทบทวน แต่ก็ไม่ได้มี เหตุการณ์ที่ชวนลุ้นแบบต้องรอชมในตอนใหม่ เนื้อหาหลักๆ ที่เปิดไว้ในซีซันก่อนนั้นก็ถูกปิดลงในตัวเองไปมากแล้ว
เราจะได้เห็นเดอะบุตเชอร์ที่ยังคงมีจิตใจคุกรุ่น แต่ร่างกายของเขากลับโรยรา การเปลี่ยนแปลง นี้ทำให้เอ็มเอ็มต้องขึ้นมานำทีมแทน ในขณะที่คิมิโกะและเฟรนชียังต้องรับมือกับ ปัญหาจากอดีต และความสัมพันธ์ ที่เริ่มมี ช่องว่าง ส่วนฮิวอี้ก็กลับมาเป็นผู้ใหญ่ พร้อมต้องรับมือกับปัญหาครอบครัวที่ยิ่งใหญ่กว่าการต่อกรกับซุป พร้อมกับสตาร์ไลต์ที่ทิ้งชื่อฮีโร่มาใช้ชื่อจริงว่าแอนนี่ก็พบว่าการนำมวลชนต่อต้านการใช้อำนาจอย่างไร้การตรวจสอบของพวกซุปนั้นไม่ง่ายเลย
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญใน รีวิวซีรี่ย์ The Boys คือภารกิจของเดอะบุตเชอร์ที่พยายามรักษาสัญญาต่อภรรยาที่เสียไปในการช่วยเหลือไรอันให้กลับมาอยู่ฝั่งมนุษย์และไม่ถูกหลอกใช้ การใช้ไม้อ่อนและการโน้มน้าวใจอย่างจริงใจไม่ใช่สิ่งที่เดอะบุตเชอร์ถนัด แต่เขาต้องเรียนรู้เพื่อช่วยเหลือไรอัน
ตัวละครภายในซีรีย์ และการเปลี่ยนแปลงบทต่างๆ
รีวิวซีรี่ย์ The Boys ตัวละครหลักในฝั่งเดอะเซเวนและบริษัทวอจก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย มีตัวละครใหม่เข้ามาร่วมทีมและสร้างความเปลี่ยนแปลงในเคมีความสัมพันธ์ระหว่างพวกซุป โฮมแลนเดอร์ยังคงมีผู้หญิงเคียงข้างเขาตั้งแต่ซีซันแรกจนถึงซีซันนี้ โดยในซีซันนี้เขาได้เชิญซิสเตอร์เซจ (รับบทโดย ซูซาน เฮย์วาร์ด) ซุปที่ฉลาดที่สุดในโลกมาเป็นที่ปรึกษา นอกจากนี้ยังมีไฟร์แครกเกอร์ (รับบทโดย วาลอรี เคอร์รี) ที่มีพลังไฟน้อยแต่มีเสน่ห์ในการปล่อยเฟกนิวส์
รีวิวซีรี่ย์ The Boys ซิสเตอร์เซจมีความเป็นคนดำที่ถูกเหยียด และมักชิงเหยียดตัวเองก่อนเสมอ แต่ความคิดของเธอยิ่งใหญ่ถึงกับการเปลี่ยนโลก การสู้กลับของ พวกซุปที่หวังจะปกครอง มนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ มีความเป็นไปได้มากกว่าที่เคย ซึ่งไฟร์แครกเกอร์ก็เข้ามาต่อกรด้านความนิยมกับแอนนี่หรือสตาร์ไลต์ ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างผู้นิยมโฮมแลนเดอร์พร้อมกับผู้สนับสนุนสตาร์ไลต์ยิ่งเข้มข้นและบานปลายเป็นความรุนแรงในระดับสงครามกลางเมือง
รีวิThe Boys ซีซั่น 4 รีวิวซีรี่ย์ การเมืองและการสะท้อนสังคม
รีวิวซีรี่ย์ The Boys ในซีซั่น 4 มีความเป็นการเมืองสูง การชิงความนิยม การสร้างข้อหาปรักปรำใส่ร้าย และการล็อบบี้ผู้ถืออำนาจอย่างนิวแมนที่ยังสวิงข้างไปมาว่าจะเลือกฝั่งไหน มันสะท้อนโลกของผู้ใหญ่ที่เข้มข้นขึ้นมาก มองภาพไม่ไกลจากบ้านเรา แผนการสร้างสงครามกลางเมืองของซิสเตอร์เซจแล้วให้โฮมแลนเดอร์ลง มาหยุดความขัดแย้ง ก็ไม่ต่างจาก การปกครองแบบเผด็จ การทหารที่เคยใช้เป็นสูตรสำเร็จมาหลายต่อหลายครั้ง
The Boys ซีซั่น 4 บทสรุป
แม้ว่าซีซัน 4 จะยังขาดความน่าจดจำ และความว้าวที่ทำให้คนดูอู้หูอ้าหาอย่างที่เคย แต่ตามสถิติของซีรี่ย์นี้ ตอนที่ต้องซี้ดปาก พูดต่อเป็นไวรัลมักจะ มากลางๆ ค่อนท้ายของซีซันมากกว่า ดังนั้นเรายังคาดหวังได้เลยว่าเมื่อปูเรื่องในระดับ ความสัมพันธ์จนไปถึงระดับประเทศมาได้เข้มเต็ม 3 ตอนขนาดนี้ ที่เหลือต้องระเบิดระเบ้อบ้าคลั่งได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันแน่นอน ที่สำคัญสิ่งที่ทิ้งเชื้อไว้ในซีรีส์ ‘Gen V’ ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้เลย ก็คาดหวังว่า อาจจะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ อีกมากมาย
ทั้งหมดนี้ทำให้เรารอติดตามตอนที่เหลือของซีซัน 4 อย่างใจจดใจจ่อ
ติดตามบล็อคข่าวสารที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่องกับ :